การปฏิวัติของซาฟาวีดในศตวรรษที่ 17 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สู่ศาสนาอิสลามชีอะห์และการรวมตัวของเปอร์เซีย

blog 2024-12-29 0Browse 0
การปฏิวัติของซาฟาวีดในศตวรรษที่ 17 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สู่ศาสนาอิสลามชีอะห์และการรวมตัวของเปอร์เซีย

การปฏิวัติของซาฟาวีดในศตวรรษที่ 17 เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อิหร่านที่มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความเป็นอยู่ทางการเมือง ศาสนา และสังคมของประเทศ การปฏิวัตินี้ซึ่งนำโดยเชikh إسماعيل الأولแห่งราชวงศ์ซาฟาวีด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากศาสนาอิสลามสุหนี่ไปเป็นศาสนาอิสลามชีอะห์ และรวมดินแดนของเปอร์เซียเข้าด้วยกันภายใต้ธงเดียว

สาเหตุของการปฏิวัติ:

  • ความไม่พอใจต่อรัฐบาลซุนนี: ในช่วงศตวรรษที่ 16 อิหร่านถูกปกครองโดยจักรวรรดิซาฟาวีด ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามสุหนี่ รัฐบาลของพวกเขายึดมั่นในหลักการสุหนี่อย่างเคร่งครัด และละเลยความต้องการของประชาชนที่นับถือศาสนาชีอะห์จำนวนมาก

  • การลุกฮือของเชikh إسماعيل الأول: เชikh إسมาอิลเป็นผู้นำทางศาสนาที่ได้รับความนิยมจากชาวชีอะห์ในอิหร่าน เขาได้นำกองทัพของเขาไปต่อต้านรัฐบาลซุนนี และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงสู่ศาสนาชีอะห์

  • ความต้องการในการรวมดินแดน: อิหร่านในเวลานั้นถูกแบ่งแยกเป็นหลายรัฐที่ปกครองโดยชนเผ่าและผู้นำท้องถิ่น การปฏิวัติของซาฟาวีดมีเป้าหมายที่จะรวมดินแดนทั้งหมดเข้าด้วยกันภายใต้การนำของเชikh إسماعيل

ผลกระทบของการปฏิวัติ:

ด้าน ผลกระทบ
ศาสนา การเปลี่ยนแปลงสู่ศาสนาอิสลามชีอะห์เป็นศาสนาประจำชาติของอิหร่าน และส่งผลต่อวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คน
การเมือง การก่อตั้งจักรวรรดิซาฟาวีด ซึ่งครองอำนาจในอิหร่านกว่า 200 ปี และรวมดินแดนที่เคยถูกแบ่งแยก
เศรษฐกิจ การค้าเจริญรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของจักรวรรดิซาฟาวีด เนื่องจากมีเส้นทางการค้าที่เชื่อมต่อกับยุโรปและเอเชีย
ศิลปะและวัฒนธรรม การเฟื่องฟูของศิลปะอิสลามแบบชีอะห์ เช่น จิตรกรรม โบสถ์ และงานหัตถกรรม

การปฏิวัติของซาฟาวีดเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์อิหร่าน โดยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งทางศาสนา การเมือง และสังคม การเปลี่ยนไปสู่ศาสนาชีอะห์มีอิทธิพลต่ออัตลักษณ์ของชาติอิหร่านจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ การรวมดินแดนยังสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาค ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในช่วงก่อนการปฏิวัติ การปฏิวัติของซาฟาวีดเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงพลังของความคิด และความปรารถนาในการเปลี่ยนแปลง

เชikh إسماعيل الأول: อ้างสิทธิ์แห่งศาสนาและอำนาจ

เชikh إسماعيل หรือที่รู้จักในนาม “Shah Ismail I” เป็นบุคคลสำคัญของการปฏิวัติ เขาเป็นผู้นำทางศาสนาชีอะห์ที่มีคาริสม่า และมีความสามารถในการโน้มน้าวใจผู้คน เชikh إسماعيلอ้างสิทธิ์ของตนในฐานะอิมาม (ผู้นำทางศาสนา) และเชือว่าตนได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้า

ความเชื่อนี้ทำให้เขาได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวชีอะห์ในอิหร่าน ซึ่งรู้สึกถูกกดขี่โดยรัฐบาลซุนนี เชikh إسماعิลนำกองทัพของเขาเข้ายึดครองดินแดนต่างๆ และต่อสู้กับศัตรูอย่างไม่หยุดหย่อน

จักรวรรดิซาฟาวีด: ยุคทองของอิหร่าน

หลังจากการปฏิวัติ เชikh إسماع Ismail ก่อตั้งราชวงศ์ซาฟาวีด ซึ่งปกครองอิหร่านมาเกือบ 200 ปี ยุคนี้ถือเป็น “ยุคทอง” ของอิหร่าน เพราะมีการเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และศิลปะ

  • เศรษฐกิจ: อิหร่านกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของภูมิภาค การค้าเครื่องถ้วยและพรมเปอร์เซียไปทั่วโลก

  • วัฒนธรรม: ศาสนาชีอะห์ได้ผสานเข้ากับวัฒนธรรมเปอร์เซีย สร้างศิลปะแบบเฉพาะตัว เช่น จิตรกรรม miniature, โบสถ์ที่ประดับด้วยกระเบื้องโมเสก และงานหัตถกรรม exquisite

  • ศิลปะ: ยุคซาฟาวีดเป็นจุดสูงสุดของศิลปะอิสลาม ศิลปินสร้างผลงาน masterpiece ที่โดดเด่นด้วยรายละเอียดอันวิจิตร, สีสันที่สดใสและเทคนิคการวาดภาพ unique

การสิ้นสุดของจักรวรรดิซาฟาวีด:

ถึงแม้จักรวรรดิซาฟาวีดจะประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงแรก แต่ก็ถูกท้าทายด้วยปัญหาภายใน เช่น การต่อสู้เพื่ออำนาจ และความขัดแย้งระหว่างชนเผ่า

การโจมตีจากต่างชาติอย่างจักรวรรดิออตโตมันและจักรวรรดิรัสเซีย ทำให้จักรวรรดิซาฟาวีดอ่อนแอลง ในที่สุด ราชวงศ์ซาฟาวีดก็ถูกโค่นล้มในปี 1736

มรดกของการปฏิวัติ:

แม้ว่าจักรวรรดิซาฟาวีดจะล่มสลายไปแล้ว แต่การปฏิวัติของซาฟาวีดก็ยังคงมีอิทธิพลต่ออิหร่านจนถึงทุกวันนี้ การเปลี่ยนแปลงมาสู่ศาสนาชีอะห์เป็นพื้นฐานของอัตลักษณ์ทางศาสนาของอิหร่าน และอิสลามชีอะห์ก็กลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมและสังคมอิหร่าน

นอกจากนั้น การปฏิวัติยังทำให้เกิดความรู้สึกชาติและความสามัคคีในหมู่ชาวเปอร์เซีย การรวมดินแดนที่เคยถูกแบ่งแยก ทำให้เกิดความภาคภูมิใจในอดีตและรากเหง้าของตนเอง.

TAGS