Synod of Whitby ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดของอังกฤษในช่วงต้นยุคกลาง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 664 ที่ Whitby, Yorkshire และนำไปสู่การตัดสินใจครั้งใหญ่ในการกำหนดวันอีสเตอร์ของคริสเตียน
ก่อนหน้า Synod of Whitby ชุมชนคริสเตียนในอังกฤษมีอยู่สองนิกาย: นิกายโรมันซึ่งนำโดยบาทหลวงซินและบิชอพวิลฟรีด และนิกายเคลติก ซึ่งนำโดย บาทหลวงแอนซ์เทมส
ความขัดแย้งหลักเกิดขึ้นจากการคำนวณวันอีสเตอร์ โดยนิกายโรมันใช้วิธีเดียวกับที่คริสเตียนในยุโรปส่วนใหญ่ใช้ ในขณะที่นิกายเคลติกใช้แบบดั้งเดิมตามวิธีของชาวไอริช
การประชุม Synod of Whitby ถูกเรียกมาเพื่อแก้ไขข้อพิพาทนี้ โดยมีพระเจ้าออสวอล์ดแห่งนอร์ธัมเบรียผู้เป็นคริสเตียนที่เคร่งศาสนาและต้องการให้ราชอาณาจักรของเขารวมเป็นหนึ่งเดียวในความเชื่อ
หลังจากการถกเถียงกันอย่างยาวนาน พระราชาออสวัลด์ได้ตัดสินใจสนับสนุนนิกายโรมัน และวันที่ 15 มีนาคม ได้ถูกกำหนดให้เป็นวันอีสเตอร์ในราชอาณาจักรของเขา การตัดสินใจนี้มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อศาสนาและการเมืองในอังกฤษ
ผลลัพธ์ที่ตามมาจาก Synod of Whitby
- การรวมชาติของนิกายโรมัน: การตัดสินใจของพระเจ้าออสวัลด์นำไปสู่การยอมรับนิกายโรมันอย่างแพร่หลายในอังกฤษและเป็นตัวเร่งให้เกิดการรวมชาติทางศาสนา
|
- การปักหลักของศาสนาคริสต์: Synod of Whitby เป็นก้าวสำคัญในการขยายศาสนาคริสต์ในอังกฤษ และนำไปสู่การสร้างโบสถ์และสำนักสงฆ์จำนวนมาก
- การพัฒนาทางวัฒนธรรม: การยอมรับนิกายโรมันส่งผลต่อวัฒนธรรมของอังกฤษ โดยนำไปสู่การนำเข้าศิลปะ สถาปัตยกรรม และวรรณคดีจากยุโรป
ความสำคัญของ Synod of Whitby ในประวัติศาสตร์
Synod of Whitby เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมากในประวัติศาสตร์อังกฤษ เนื่องจากมีผลกระทบต่อศาสนา การเมือง และวัฒนธรรมของดินแดน
การตัดสินใจของพระเจ้าออสวัลด์ทำให้เกิดการรวมชาติทางศาสนาและการขยายตัวของคริสเตียนในอังกฤษ นอกจากนี้ Synod of Whitby ยังเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและความหลากหลายของประวัติศาสตร์ยุโรปในช่วงยุคกลาง
สรุป
Synod of Whitby เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในศาสนา การเมือง และวัฒนธรรม