หลังจากรุ่งเรืองมาหลายศตวรรษ อาณาจักรอียิปต์ใต้การปกครองของชาวมุสลิมได้เผชิญหน้ากับความไม่สงบครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1253 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “การลุกฮือของชาวมาห์มูค”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการ การปกครองของราชวงศ์อายยูบิดภายใต้สุลต่านอซ-ซาฮิร รุสลานได้นำมาซึ่งความรุนแรงและการกดขี่ต่อชาวมามลูก ชาวเกษตรกรรมที่ประกอบอาชีพหลักในอียิปต์
นอกจากนี้ การเก็บภาษีอย่างหนัก โภคภัณฑ์ที่ราคาสูง และการสนับสนุนการค้ากับชนกลุ่มน้อยทางศาสนา เช่น คริสเตียนและชาวยิว ทำให้ชาวมามลูกรู้สึกถูกกดขี่ และทำให้ความไม่พอใจในหมู่ชาวบ้านเพิ่มขึ้น
จุดเริ่มต้นของการลุกฮือเกิดขึ้นเมื่อนายทหาร Mamluk ซึ่งเป็นชาวเปอร์เซีย ชื่อว่า อัยยูบ บิน ซาลิห์ ได้ถูกผู้ว่าราชการมณฑลฟาmetti มุสlims และชาวคริสเตียนในอียิปต์ฆ่าตาย
การตายของนายทหาร Mamluk นำไปสู่การลุกฮือครั้งใหญ่ โดยชาวมาห์มูคได้เข้าโจมตีผู้ปกครอง และกลุ่มชนชั้นสูงในเมืองไకโร
ผลกระทบที่ตามมาจากการลุกฮือ
การลุกฮือของชาวมาห์มูคมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงทางการเมืองและสังคมของอียิปต์:
- การเปลี่ยนแปลงอำนาจ: การลุกฮือนำไปสู่การโค่นล้มราชวงศ์อายยูบิด และการขึ้นมาของราชวงศ์มามลูก
- ความเสียหายทางเศรษฐกิจ:
สาเหตุ | ผลกระทบ |
---|---|
การทำลายและปล้นสะดม | ลดลงของทุนและทรัพยากร |
การหยุดชะงักการค้า | การขาดแคลนสินค้าและวัตถุดิบ |
- ความไม่สงบทางสังคม: การลุกฮือทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนชั้นและกลุ่มศาสนา ตำแหน่งของชาวมามลูกในฐานะผู้ปกครองอียิปต์ใหม่นำไปสู่การต่อต้านจากกลุ่มที่ไม่พอใจ
การลุกฮือของชาวมาห์มูคเป็นตัวอย่างสำคัญของการเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมืองในโลกอิสลามยุคกลาง
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของระบอบการปกครอง และความไม่พอใจของประชาชนต่อการกดขี่และการเอารัดเอาเปรียบ
นอกจากนี้ การลุกฮือยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการประวัติศาสตร์อียิปต์ โดยนำไปสู่การยกระดับสถานะของชาวมาห์มูค และการสถาปนาอำนาจของกลุ่มนี้ในอียิปต์และดินแดนอื่นๆ